ภาษาไทย
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ภาษาไทย | ||
---|---|---|
เสียงอ่าน: | [pʰāːsǎːtʰāj] | |
พูดใน: | ไทย กัมพูชา ลาว มาเลเซีย พม่า | |
จำนวนผู้พูด: | 60-65 ล้านคน (ไม่รวมไทยถิ่นเหนือ อีสาน และไทยถิ่นใต้) | |
อันดับ: | 24 | |
ตระกูลภาษา: | ไท-กะได ไท ไทตะวันตกเฉียงใต้ ไทกลาง-ตะวันออก เชียงแสน ภาษาไทย | |
ระบบการเขียน: | อักษรไทย | |
สถานะทางการ | ||
ภาษาทางการใน: | ประเทศไทย | |
ผู้วางระเบียบ: | ราชบัณฑิตยสถาน | |
รหัสภาษา | ||
ISO 639-1: | th | |
ISO 639-2: | tha | |
ISO 639-3: | tha | |
หมายเหตุ: บทความนี้มีสัญลักษณ์สัทอักษรสากลปรากฏอยู่ คุณอาจต้องการไทป์เฟซที่รองรับยูนิโคดเพื่อการแสดงผลที่สมบูรณ์ | ||
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมภาษา |
ภาษาไทยเป็นภาษาที่มีระดับเสียงของคำแน่นอนหรือวรรณยุกต์เช่นเดียวกับภาษาจีน และออกเสียงแยกคำต่อคำ เป็นที่ลำบากของชาวต่างชาติเนื่องจาก การออกเสียงวรรณยุกต์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคำ และการสะกดคำที่ซับซ้อน นอกจากภาษากลางแล้ว ในประเทศไทยมีการใช้ ภาษาไทยถิ่นอื่นด้วย
เนื้อหา[ซ่อน] |
[แก้] ชื่อภาษาและที่มา
คำว่า ไทย หมายความว่า อิสรภาพ เสรีภาพ หรืออีกความหมายหนึ่งคือ ใหญ่ ยิ่งใหญ่ เพราะการจะเป็นอิสระได้จะต้องมีกำลังที่มากกว่า แข็งแกร่งกว่า เพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึก แม้คำนี้จะมีรูปเหมือนคำยืมจากภาษาบาลีสันสกฤต แต่แท้ที่จริงแล้ว คำนี้เป็นคำไทยแท้ที่เกิดจากกระบวนการสร้างคำที่เรียกว่า 'การลากคำเข้าวัด' ซึ่งเป็นการลากความวิธีหนึ่ง ตามหลักคติชนวิทยา คนไทยเป็นชนชาติที่นับถือกันว่า ภาษาบาลีซึ่งเป็นภาษาที่บันทึกพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นภาษาอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นมงคล เมื่อคนไทยต้องการตั้งชื่อประเทศว่า ไท ซึ่งเป็นคำไทยแท้ จึงเติมตัว ย เข้าไปข้างท้าย เพื่อให้มีลักษณะคล้ายคำในภาษาบาลีสันสกฤตเพื่อความเป็นมงคลตามความเชื่อของตน ภาษาไทยจึงหมายถึงภาษาของชนชาติไทยผู้เป็นไทนั่นเอง[แก้] ระบบเสียง
ระบบเสียงในภาษาไทยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ- เสียงพยัญชนะ
- เสียงสระ
- เสียงวรรณยุกต์
[แก้] พยัญชนะ
เสียงสัทอักษรพยัญชนะในภาษาไทย (เสียงแปร) มีอยู่ด้วยกัน 21 เสียงดังต่อไปนี้ริมฝีปาก ทั้งสอง | ริมฝีปากล่าง -ฟันบน | ปุ่มเหงือก | หลังปุ่มเหงือก | เพดานแข็ง | เพดานอ่อน | ผนังคอ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เสียงกัก | /p/ ป | /pʰ/ ผ,พ | /b/ บ | /t/ ฏ,ต | /tʰ/ ฐ,ฑ*,ฒ,ถ,ท,ธ | /d/ ฎ,ฑ*,ด | /k/ ก | /kʰ/ ข,ฃ,ค,ฅ,ฆ | /ʔ/ อ** | ||||||
เสียงนาสิก | /m/ ม | /n/ ณ,น | /ŋ/ ง | ||||||||||||
เสียงเสียดแทรก | /f/ ฝ,ฟ | /s/ ซ,ศ,ษ,ส | /h/ ห,ฮ | ||||||||||||
เสียงผสมเสียดแทรก | /t͡ɕ/ จ | /t͡ɕʰ/ ฉ,ช,ฌ | |||||||||||||
เสียงรัวลิ้น | /r/ ร | ||||||||||||||
เสียงเปิด | /j/ ญ,ย | /w/ ว | |||||||||||||
เสียงข้างลิ้น | /l/ ล,ฬ |
- * ฑ สามารถออกเสียงได้ทั้ง /tʰ/ และ /d/ ขึ้นอยู่กับคำศัพท์
- ** เสียง /ʔ/ มีปรากฏอยู่ในคำที่มีสระเสียงสั้นและไม่มีพยัญชนะสะกด
[แก้] สระ
เสียงสระในภาษาไทยแบ่งออกเป็น 3 ชนิดคือ สระเดี่ยว สระประสม และสระเกินสระเดี่ยว คือสระที่เกิดจากฐานเพียงฐานเดียว มีทั้งสิ้น 18 เสียง
- เ–ีย /iaː/ ประสมจากสระ อี และ อา
- เ–ือ /ɯaː/ ประสมจากสระ อือ และ อา
- –ัว /uaː/ ประสมจากสระ อู และ อา
สระเสียงสั้น | สระเสียงยาว | สระเกิน | |||
---|---|---|---|---|---|
ไม่มีตัวสะกด | มีตัวสะกด | ไม่มีตัวสะกด | มีตัวสะกด | ไม่มีตัวสะกด | มีตัวสะกด |
–ะ | –ั–¹ | –า | –า– | –ำ | (ไม่มี) |
–ิ | –ิ– | –ี | –ี– | ใ– | (ไม่มี) |
–ึ | –ึ– | –ือ | –ื– | ไ– | ไ––⁵ |
–ุ | –ุ– | –ู | –ู– | เ–า | (ไม่มี) |
เ–ะ | เ–็– | เ– | เ–– | ฤ, –ฤ | ฤ–, –ฤ– |
แ–ะ | แ–็– | แ– | แ–– | ฤๅ | (ไม่มี) |
โ–ะ | –– | โ– | โ–– | ฦ, –ฦ | ฦ–, –ฦ– |
เ–าะ | –็อ– | –อ | –อ–² | ฦๅ | (ไม่มี) |
–ัวะ | (ไม่มี) | –ัว | –ว– | ||
เ–ียะ | (ไม่มี) | เ–ีย | เ–ีย– | ||
เ–ือะ | (ไม่มี) | เ–ือ | เ–ือ– | ||
เ–อะ | (ไม่มี) | เ–อ | เ–ิ–³, เ–อ–⁴ |
- –ำ /am, aːm/ ประสมจาก อะ + ม (อัม) บางครั้งออกเสียงยาวเวลาพูด (อาม)
- ใ– /aj, aːj/ ประสมจาก อะ + ย (อัย) บางครั้งออกเสียงยาวเวลาพูด (อาย)
- ไ– /aj, aːj/ ประสมจาก อะ + ย (อัย) บางครั้งออกเสียงยาวเวลาพูด (อาย)
- เ–า /aw, aːw/ ประสมจาก อะ + ว (เอา) บางครั้งออกเสียงยาวเวลาพูด (อาว)
- ฤ /rɯ/ ประสมจาก ร + อึ (รึ) บางครั้งเปลี่ยนเป็น /ri/ (ริ) หรือ /rɤː/ (เรอ)
- ฤๅ /rɯː/ ประสมจาก ร + อือ (รือ)
- ฦ /lɯ/ ประสมจาก ล + อึ (ลึ)
- ฦๅ /lɯː/ ประสมจาก ล + อือ (ลือ)
สระบางรูปเมื่อมีพยัญชนะสะกด จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปสระ สามารถสรุปได้ตามตารางด้านขวา
- ¹ คำที่สะกดด้วย –ะ + ว นั้นไม่มี เพราะซ้ำกับ –ัว แต่เปลี่ยนไปใช้ เ–า แทน
- ² คำที่สะกดด้วย –อ + ร จะลดรูปเป็น –ร ไม่มีตัวออ เช่น พร ศร จร ซึ่งก็จะไปซ้ำกับสระ โ–ะ ดังนั้นคำที่สะกดด้วย โ–ะ + ร จึงไม่มี
- ³ คำที่สะกดด้วย เ–อ + ย จะลดรูปเป็น เ–ย ไม่มีพินทุ์อิ เช่น เคย เนย เลย ซึ่งก็จะไปซ้ำกับสระ เ– ดังนั้นคำที่สะกดด้วย เ– + ย จึงไม่มี
- ⁴ พบได้น้อยคำเท่านั้นเช่น เทอญ เทอม
- ⁵ มีพยัญชนะสะกดเป็น ย เท่านั้น เช่น ไทย ไชย
[แก้] วรรณยุกต์
เสียงวรรณยุกต์ ในภาษาไทย (เสียงดนตรีหรือเสียงผัน) จำแนกออกได้เป็น 5 เสียง ได้แก่- เสียงสามัญ (ระดับเสียงกลาง)
- เสียงเอก (ระดับเสียงต่ำ)
- เสียงโท (ระดับเสียงสูง-ต่ำ)
- เสียงตรี (ระดับเสียงกลาง-สูง หรือ ระดับเสียงสูงอย่างเดียว)
- เสียงจัตวา (ระดับเสียงต่ำ-กึ่งสูง)
ทั้งนี้คำที่มีรูปวรรณยุกต์เดียวกัน ไม่จำเป็นต้องมีระดับเสียงวรรณยุกต์เดียวกัน ขึ้นอยู่กับระดับเสียงของอักษรนำด้วย เช่น ข้า (ไม้โท) ออกเสียงโทเหมือน ค่า (ไม้เอก) เป็นต้น
[แก้] ไวยากรณ์
ภาษาไทยเป็นภาษาคำโดด คำในภาษาไทยจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปไม่ว่าจะอยู่ในกาล (tense) การก (case) มาลา (mood) หรือวาจก (voice) ใดก็ตาม คำในภาษาไทยไม่มีลิงก์ (gender) ไม่มีพจน์ (number) ไม่มีวิภัตติปัจจัย แม้คำที่รับมาจากภาษาผันคำ (ภาษาที่มีวิภัตติปัจจัย) เป็นต้นว่าภาษาบาลีสันสกฤต เมื่อนำมาใช้ในภาษาไทย ก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูป คำในภาษาไทยหลายคำไม่สามารถกำหนดหน้าที่ของคำตายตัวลงไปได้ ต้องอาศัยบริบทเข้าช่วยในการพิจารณา เมื่อต้องการจะผูกประโยค ก็นำเอาคำแต่ละคำมาเรียงติดต่อกันเข้า ภาษาไทยมีโครงสร้างแตกกิ่งไปทางขวา คำคุณศัพท์จะวางไว้หลังคำนาม ลักษณะทางวากยสัมพันธ์โดยรวมแล้วจะเป็นแบบ 'ประธาน-กริยา-กรรม'[แก้] การยืมคำจากภาษาอื่น
ภาษาไทยเป็นภาษาหนึ่งที่มีการยืมคำมาจากภาษาอื่นๆค่อนข้างสูงมาก มีทั้งแบบยืมมาจากภาษาในตระกูลภาษาไท-กะได ด้วยกันเอง และข้ามตระกูลภาษา โดยส่วนมากจะยืมมาจากภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต และภาษาเขมร ซึ่งมีทั้งรักษาคำเดิม ออกเสียงใหม่ สะกดใหม่ หรือเปลี่ยนความหมายใหม่ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกันบางครั้งเป็นการยืมมาซ้อนคำ เกิดเป็นคำซ้อน คือ คำย่อยในคำหลัก มีความหมายเดียวกันทั้ง เช่น
- ดั้งจมูก โดยมีคำว่าดั้ง เป็นคำในภาษาไต ส่วนจมูก เป็นคำในภาษาเขมร
- อิทธิฤทธิ์ มาจาก อิทธิ (iddhi) ในภาษาบาลี ซ้อนกับคำว่า ฤทธิ (ṛddhi) ในภาษาสันสกฤต โดยทั้งสองคำมีความหมายเดียวกัน
[แก้] คำที่ยืมมาจากภาษาบาลี-สันสกฤต
คำจำนวนมากในภาษาไทย ไม่ใช้คำในกลุ่มภาษาไต แต่เป็นคำที่ยืมมาจากกลุ่มภาษาสันสกฤต-ปรากฤต โดยมีตัวอย่างดังนี้- รักษารูปเดิม หรือเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
- วชิระ (บาลี:วชิระ [vajira]), วัชระ (สันส:วัชร [vajra])
- ศัพท์ (สันส:ศัพทะ [śabda]), สัท (เช่น สัทอักษร) (บาลี:สัททะ [sadda])
- อัคนี และ อัคคี (สันส:อัคนิ [agni] บาลี:อัคคิ [aggi])
- โลก (โลก) - (บาลี-สันส:โลกะ [loka])
- ญาติ (ยาด) - (บาลี:ญาติ (ยา-ติ) [ñāti])
- เสียง พ มักแผลงมาจาก ว
- เพียร (มาจาก พิริยะ และมาจาก วิริยะ อีกทีหนึ่ง) (สันส:วีรยะ [vīrya], บาลี:วิริยะ [viriya])
- พฤกษา (สันส:วฤกษะ [vṛkṣa])
- พัสดุ (สันส: [vastu] (วัสตุ); บาลี: [vatthu] (วัตถุ))
- เสียง -อระ เปลี่ยนมาจาก -ะระ
- หรดี (หอ-ระ-ดี) (บาลี:หรติ [harati] (หะระติ))
- เสียง ด มักแผลงมาจาก ต
- หรดี (หอ-ระ-ดี) (บาลี:หรติ [harati] (หะระติ))
- เทวดา (บาลี:เทวะตา [devatā])
- วัสดุ และ วัตถุ (สันส: [vastu] (วัสตุ); บาลี: [vatthu] (วัตถุ))
- กบิลพัสดุ์ (กะ-บิน-ละ-พัด) (สันส: [kapilavastu] (กปิลวัสตุ); บาลี: [kapilavatthu] (กปิลวัตถุ))
- เสียง บ มักแผลงมาจาก ป
- กบิลพัสดุ์ (กะ-บิน-ละ-พัด) (สันส: [kapilavastu] (กปิลวัสตุ); บาลี: [kapilavatthu] (กปิลวัตถุ))
- บุพเพ และ บูรพ (บาลี: [pubba] (ปุพพ))
[แก้] อ้างอิง
- กำชัย ทองหล่อ. หลักภาษาไทย. กรุงเทพฯ : บำรุงสาส์น, 2533.
- นันทนา รณเกียรติ. สัทศาสตร์ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2548. ISBN 978-974-571-929-3.
- อภิลักษณ์ ธรรมทวีธิกุล และ กัลยารัตน์ ฐิติกานต์นารา. 2549.“การเน้นพยางค์กับทำนองเสียงภาษาไทย” (Stress and Intonation in Thai ) วารสารภาษาและภาษาศาสตร์ ปีที่ 24 ฉบับที่ 2 (มกราคม – มิถุนายน 2549) หน้า 59-76
- สัทวิทยา : การวิเคราะห์ระบบเสียงในภาษา. 2547. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- Gandour, Jack, Tumtavitikul, Apiluck and Satthamnuwong, Nakarin.1999. “Effects of Speaking Rate on the Thai Tones.” Phonetica 56, pp.123-134.
- Tumtavitikul, Apiluck, 1998. “The Metrical Structure of Thai in a Non-Linear Perspective”. Papers presentd to the Fourth Annual Meeting of the Southeast Asian Linguistics Society 1994, pp.53-71. Udom Warotamasikkhadit and Thanyarat Panakul, eds. Temple,Arizona:Program for Southeast Asian Studies, Arizona State University.
- Apiluck Tumtavitikul. 1997. “The Reflection on the X’ category in Thai”. Mon-Khmer Studies XXVII, pp. 307-316.
- อภิลักษณ์ ธรรมทวีธิกุล. 2539. “ข้อคิดเกี่ยวกับหน่วยวากยสัมพันธ์ในภาษาไทย” วารสารมนุษยศาสตร์วิชาการ. 4.57-66.
- Tumtavitikul, Appi. 1995. “Tonal Movements in Thai”. The Proceedings of the XIIIth International Congress of Phonetic Sciences, Vol. I, pp. 188-121. Stockholm: Royal Institute of Technology and Stockholm University.
- Tumtavitikul, Apiluck. 1994. “Thai Contour Tones”.Current Issues in Sino-Tibetan Linguistics, pp.869-875. Hajime Kitamura et al, eds, Ozaka: The Organization Committee of the 26th Sino-Tibetan Languages and Linguistics,National Museum of Ethnology.
- Tumtavitikul, Apiluck. 1993. “FO – Induced VOT Variants in Thai”. Journal of Languages and Linguistics, 12.1.34 – 56.
- Tumtavitikul, Apiluck. 1993. “Perhaps, the Tones are in the Consonants?” Mon-Khmer Studies XXIII, pp.11-41.
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
- ภาษาไทยและอักษรไทย ที่ Omniglot (อังกฤษ)
- พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒
- พจนานุกรมคำและวลี ภาษาไทย-ภาษาอังกฤษ (อังกฤษ)
|
How to win at the casino with a mobile app - Dr.MCD
ตอบลบFor 김포 출장안마 example, 고양 출장마사지 a blackjack game 계룡 출장안마 with a mobile version of a game with a 춘천 출장안마 mobile app can be played on a device 남원 출장마사지 with a no-fault jackpot.